Connect with us

VALORANT Guide

เเนะนำตัวละครน่าเล่นใน 7.04 VALORANT

เเนะนำ Agent ที่โดดเด่นในอัปเดตล่าสุด !

Published

on

META นี้เขาว่าดี ! เมื่อวันที่ 29 สิงหาคมที่ผ่านมานี้ VALORANT ก็ได้เปิดตัว Episode 7 Act 2 ด้วยแพทช์ 7.04 ที่จะมีการเพิ่มแผนที่ “Sunset” เข้ามา รวมถึงยังมีการปรับเปลี่ยนรายละเอียดต่าง ๆ ในแผนที่ Breeze และยังมีการเนิร์ฟ Agent บางตัวอีกด้วย การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในอัปเดตครั้งนี้ก็จะมีผลกับ META เดิมของเกมอย่างแน่นอน จะมีอะไรน่าสนใจ Daily Heckle จะไปพาดูกัน !


การปรับแผนการเล่นใหม่กลายเป็นหัวใจสำคัญของแพทช์นี้เลยก็ว่าได้ ถ้าหากผู้เล่นมีความต้องการที่จะพัฒนาการดราฟท์ทีมใหม่แล้วมันจะมีสิ่งที่ต้องคำนึงอยู่หลายอย่างด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น:

  1. META แผนที่และ Agent ที่เลือกใช้: การเลือกตัวละครที่เหมาะสมกับแผนที่จะช่วยปรับรูปแบบการเล่นให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่ต้องเจอหรือการยืนตำแหน่งที่ได้เปรียบ
  2. การเลือก Agent แก้ทาง: แพทช์ 7.04 มีการปรับบาลานซ์ของ Agent ให้เหมาะสมมากขึ้น นอกจากการเลือก Agent ให้เข้ากับแผนที่แล้ว การเลือกตัวละครมาแก้ทางตัวใน META หรือ Counter-Pick คือสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง
  3. ปรับแผนแก้ทางใหม่: รู้เขาแล้วก็ต้องรู้เราด้วย ! ผู้เล่นสามารถศึกษาแผนการเล่นในรูปแบบต่าง ๆ ตาม META ที่กำหนดเอาไว้ได้ โดยจะต้องศึกษาผ่านตัวละครหนึ่งที่สามารถแก้ทางอีกตัวละคร หรือแก้การยืนตำแหน่งและการต่อสู้ได้ โดยการหาช่องโหว่หรือจุดอ่อนของศัตรูให้เจอผ่านการวางแผนของตัวเองและการอ่านเกมของคู่แข่ง

ส่วน META การเลือกตัวละครตามแผนที่ต่าง ๆ ในแพทช์ 7.04 นั้นจะมีรายละเอียดดังนี้:

1) Ascent

META Agent: Jett, Skye, Omen, Viper, Cypher

Ascent นั้นถือว่าเป็นแผนที่ที่มีพื้นที่โล่งค่อนข้างเยอะและมีทางเดินแคบอยู่เป็นระยะซึ่งมีโถงกว้างคั่นกลางระหว่างสอง Spike Site อยู่ ผู้เล่นมีความจำเป็นที่จะต้องใช้สกิลการต่อสู้ทั้งในรูปแบบระยะไกลบนพื้นที่โล่งและการต่อสู้ระยะประชิดในมุมแคบ สไตล์การเล่นของ Ascent จะมีความหลากหลายและต้องใช้การพลิกแพลงค่อนข้างสูง

ก่อนหน้านี้ การใช้ตัวละคร Killjoy กลายเป็นตัวเลือกสำคัญที่ทำให้ฝ่ายป้องกันสามารถควบคุมการเล่นได้ดีขึ้น แต่หลังจากรายการ VCT 2023 จบไป เราก็จะได้เห็นว่าการนำตัวละครอย่าง Viper เข้ามาอยู่ในการเล่นก็ทำให้รูปแบบ META เดิมนั้นเปลี่ยนไป โดยเฉพาะทั้งในการโจมตีและป้องกันไซต์ B ที่ผู้เล่นสามารถเลือกใช้ได้ทั้ง Toxic Screen ในการปิดพื้นที่ต่าง ๆ รวมถึง Snakebite ที่สามารถบล็อกการเดินหรือการควบคุมพื้นที่ของคู่แข่งได้ดีขึ้นอีกด้วย

2) Haven

META Agent: Jett, Skye, Omen, Viper, Killjoy

นี่คือแผนที่ที่มี Spike Site มากถึง 3 จุด จึงทำให้ทั้งสองทีมต้องบริหารการควบคุมพื้นที่ให้เหมาะสมและต้องมีความยืดหยุ่นมากกว่าแผนที่อื่น ความสามารถต่าง ๆ ของ Agent รวมถึงความเข้าใจในการ Rotation ระหว่างไซต์กลายเป็นคีย์สำคัญที่จะพลิกแพลงสถานการณ์ได้ดี

ก่อนหน้านี้ ทีม Loud and DRX ได้สร้างการเปลี่ยนแปลงในการเล่น Haven ด้วยการใช้ Skye เป็น Initiator ตัวหลักเพียงตัวเดียวแทนที่ทั้ง Sova และ Breach รวมกัน แล้วก็สามารถเลือกใช้ Viper เข้ามาเติมในส่วนที่ขาดไป

ในส่วนของ Omen นั้นก็สามารถไปคุมโซนไซต์ C พร้อมไปกับการซัพพอร์ทจากแกตเจตของ Killjoy ที่จะวางไว้ในพื้นที่ Garage, รอบไซต์ B และ C โดยตัวละครนี้จะเป็นตัวที่มีบทบาทสำคัญในการหาข่าวให้กับฝ่ายป้องกันได้อีกด้วย

3) Breeze

META Agent: Yoru, Sova, Harbor, Viper, Cypher

นี่คือแผนที่ที่มีขนาดกว้างและสอง Spike Site นั้นอยู่ห่างไกลกัน การควบคุมพื้นที่กว้าง พื้นที่เล็งและการ rotation นั้นเป็นสิ่งสำคัญมาก ๆ สำหรับแผนที่นี้ ส่วน Agent ที่กลายเป็นคีย์สำคัญก็คือ Harbor กับ Viper ที่สามารถคอมโบความสามารถของตัวเองให้เข้ากันและครองพื้นที่ได้ดีกว่าตัวใด ๆ

4) Split

META Agent: Raze, Skye, Breach, Astra, Viper

นี่คือแผนที่ที่ขึ้นชื่อว่ามีมุมแคบมากที่สุดในเกม เหมาะสมกับการใช้แทคติกระยะประชิดมากที่สุด ซึ่งก่อนหน้านี้ผู้เล่นส่วนใหญ่ก็จะเลือกใช้ Sage ในการบล็อกพื้นที่โซน mid แต่ต่อมาทีมโปรหลายทีมก็เริ่มเปลี่ยนจาก Sage ไปเป็น Viper และ Astra มากขึ้นเพราะทั้งสองตัวละครนี้จะสามารถปิดทั้งพื้นที่ mid หรือพื้นที่อื่น ๆ ได้นานกว่า

ส่วนการเลือกตัวละครฝั่งโจมตีนั้น Duelist ตัวหลักควรจะต้องเป็น Raze เพราะมันสามารถใช้คอมโบคู่กับ Skye และ Breach ได้ดีที่สุดในการเข้ายึดพื้นที่

5) Bind

META Agent: Raze, Yoru, Sova, Brimstone, Viper

แผนที่นี้จะมีฟีเจอร์พิเศษที่จะทำให้ผู้เล่นทั้งสองฝ่ายสามารถโยกไซต์ได้อย่างรวดเร็วด้วยประตูเทเลพอร์ท รวมไปถึงการผสมผสานระหว่างมุมแคบและพื้นที่กว้างคล้าย ๆ กับ Ascent ก็จะทำให้ผู้เล่นจะต้องปรับแผนการเล่นให้หลากหลายมากขึ้นตลอดเวลา การใช้สกิลของตัวละครนั้นคือหัวใจสำคัญในการยึดพื้นที่ ตัวละครที่จะขาดไปไม่ได้ใน META ก็คือ Sova นั่นเอง

6) Sunset

META Agent: Raze, Skye, Harbor, Viper, Cypher

Sunset เป็นอีกหนึ่งแผนที่ที่มีความใกล้เคียงกับ Ascent มากที่สุดและมีความท้าทายในการควบคุมพื้นที่โซน mid มากที่สุด การเลือกใช้ตัวละคร Harbor และ Skye ในการเข้าช่วยนั้นกลายเป็นตัวเลือกหลักที่โปรเพลเยอร์ในรายการ VCT 2023 หลายคนไว้วางใจที่จะเลือกใช้

7) Lotus

META Agent: Raze, Skye, Astra, Viper, Killjoy

นี่คือแผนที่ที่สองของเกมนี้ที่มีการนำ Spike Site มาเพิ่มจาก 2 เป็น 3 โดยมีกำแพงที่ทำลายได้เข้ามาเสริมอีกด้วย รูปแบบและแผนการเล่นที่ใช้ได้ก็จะมีหลากหลายเช่นกัน ส่วนวิธีการที่จะเอาชนะคู่แข่งได้ดีที่สุดก็ควรจะต้องเลือกใช้ตัวละครตาม META ของแผนที่นี้ โดยตัวละคร Viper นั้นจะมีบทบาทมาก ๆ กับการเข้าตีหรือป้องกันไซต์ A ในขณะที่ Kiljoy ก็สามารถใช้สกิลอัลติเมทของตัวเองในการควบคุมได้เกือบทั้งแผนที่เลยทีเดียว

ทั้งหมดนี้ก็สรุปได้ว่าผู้เล่นควรจดจำทั้ง META ตัวละครและแผนที่ไว้ให้ดีเพื่อชิงความได้เปรียบในการเล่น อย่างไรก็ตาม META ต่าง ๆ ก็ย่อมมีโอกาสที่จะเปลี่ยนแปลงตามอัปเดตใหม่ได้เสมอ ดังนั้นผู้เล่นควรจะต้องติดตามข่าวสารเกี่ยวกับการอัปเดตอย่างต่อเนื่องเพื่อไม่ให้พลาดข้อมูลดี ๆ ไป

VALORANT Guide

อธิบาย ระบบ RANK อัปเดตใหม่ ของเกม VALORANT

อัปเดตใหม่มาเเล้ว ระบบมีการปรับเปลื่ยนอะไรบ้าง บทความนี้มีคำตอบให้คุณ

Published

on

By

สายปั่นแรงค์ต้องจำ ! VALORANT มีระบบจำกัดการจับคู่และตั้งทีมในโหมด Competitive (หรือที่หลายคนจำว่ามันคือโหมด Rank) ซึ่งผู้พัฒนาเกมก็มีจุดมุ่งหมายสำคัญให้ผู้เล่นได้ทดสอบความสามารถในการเล่นกับผู้เล่นในระดับใกล้เคียงกัน ซึ่งระดับ Rank ของผู้เล่นแต่ละคนก็เปรียบเสมือนตัวชี้วัดในความแม่นยำในการยิง ความเข้าใจในกลยุทธ์ของเกม รวมถึงการทำงานเป็นระบบกับผู้เล่นคนอื่นในทีม 

กฏสำคัญของการอัปเกรด Rank ตัวเองก็คือการเอาชนะผู้เล่นทีมตรงข้ามในแต่ละเกมตามลำดับขั้น Rank ให้ได้เท่านั้น ซึ่งระดับของ Rank ในเกมนี้จะมีอยู่ทั้งหมด 9 ขั้น โดยที่ Rank 8 ขั้นแรกจะถูกแบ่งย่อยออกเป็น 3 เทียร์ (1, 2 และ 3) ยกเว้น Rank ขั้นสุดท้ายที่มีเทียร์เดียวเท่านั้น

ระดับของ Rank ใน VALORANT แบบเข้าใจง่าย

ใน VALORANT ผู้เล่นแต่ละคนจะมีทั้ง Rank แบบปกติและ Act Rank แยกออกจากกัน โดย Rank แบบปกตินั้นจะแสดงถึงระดับความสามารถของผู้เล่นในระยะเวลานั้นและจะเป็นตัวควบคุมการหาห้องแข่ง ผู้เล่นคนอื่นในทีมจะเห็น Rank ของเราได้ในหน้าเมนูและสกอร์บอร์ดของทีม 

ส่วน Act Rank นั้นจะแสดงถึงความสามารถของผู้เล่นตลอดช่วงเวลาของแต่ละ Act และจะเป็นเครื่องมือชี้วัดให้กับผลประกอบการของผู้เล่นคนนั้นอีกด้วย 

รูปแบบของ Rank จะเรียงตามลำดับขั้นจากล่างขึ้นบนดังต่อไปนี้: Iron, Bronze, Silver, Gold, Platinum, Diamond, Ascendant, Immortal, และ Radiant โดยทุกขั้น Rank ยกเว้น Radiant จะถูกแบ่งออกเป็น 3 เทียร์ก่อนที่จะข้าม (หรือลด) ไปใน Rank ถัดไป

ยิ่งผู้เล่นสามารถสะสม Rank ให้สูงขึ้นมากเท่าไร จำนวนแต้มใน Act Rank ก็จะเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย ดังนั้น Act Rank ก็เป็นเหมือนตัวชี้วัดว่าในแต่ละช่วง Act ต่าง ๆ นั้นผู้เล่นมีการพัฒนาขึ้นหรือลงมากน้อยแค่ไหน

กฎการเริ่มเล่น Rank ในช่วงเริ่มต้น

สำหรับผู้เล่นที่จะเลือกแข่งขันกับผู้เล่นอื่นในโหมด Competitive (Rank) ผู้เล่นจะต้องมีคุณสมบัติต่าง ๆ ที่จำเป็นดังนี้:

– บัญชีของผู้เล่นจะต้องอยู่ในเลเวล 20 ขึ้นไป

– ใน 5 เกมแรกของการเล่น Competitive ผู้เล่นจะไม่มี Rank แสดง (Unranked) แล้วผู้เล่นก็จะต้องเล่นให้ครบ 5 เกมเพื่อให้ระบบเกมสามารถจัดวางอันดับ (Placement) ให้กับผู้เล่นได้ โดยระดับ Rank สูงสุดที่ผู้เล่นจะไปถึงได้จากจุดเริ่มต้นก็คือแรงค์ Ascendant 1 เท่านั้น ส่วนอันดับ Rank ต่ำสุดที่จะได้ก็คือ Iron 1

– Rank ของผู้เล่นทุกคนจะถูรีเซตใหม่หลังจบในแต่ละ Act โดยผู้เล่นจะต้องเริ่มเล่นใหม่อีก 1 เกมหลังจากเข้าสู่ช่วง Act ใหม่ (2 และ 3) และจะต้องเล่นอีก 5 เกมใหม่หลังจากเข้าสู่ Episode ใหม่ (ซีซันใหม่)

ข้อบังคับการจับคู่กับเพื่อนหรือผู้เล่นในทีม

ผู้เล่นที่ต้องการจะจับคู่กับเพื่อนในปาร์ตี้ 2 หรือ 3 คนจะมีข้อจำกัดในเรื่องระดับ Rank เข้ามาเกี่ยวข้อง ผู้เล่นสามารถเปิดปาร์ตี้กับเพื่อนที่มีระดับ Rank ห่างกันได้ตามลำดับขั้นที่กำหนดไว้ โดยจะคำนวณจากผู้เล่นที่มี Rank ต่ำสุดไปหาผู้เล่นที่มี Rank สูงสุดในปาร์ตี้เท่านั้นดังนี้

– ผู้เล่นในระดับ Iron และ Bronze จะสามารถจับคู่กับผู้เล่นระดับสูงสุดที่ Silver เท่านั้น

– ผู้เล่นระดับ Silver จะสามารถจับคู่กับผู้เล่นระดับสูงสุดที่ Gold เท่านั้น

– ผู้เล่นระดับ Gold จะสามารถจับคู่กับผู้เล่นระดับสูงสุดที่ Platinum เท่านั้น

– ผู้เล่นระดับ Platinum, Diamond, Ascendant, Immortal และ Radiant จะสามารถจับคู่กับผู้เล่นระดับสูงสุดแค่ 1 ขั้นจากผู้เล่นที่มี Rank ต่ำสุดเท่านั้น (เช่น หากผู้เล่นที่มี Rank ต่ำสุดอยู่ใน Platinum 1 ก็จะสามารถมีเพื่อนที่อยู่ใน Rank สูงสุด Diamond 1 เท่านั้น)

ในส่วนของการจับคู่กันเป็นทีมผู้เล่น 5 คนนั้นไม่มีการจำกัดในระยะของ Rank แต่ถ้าหากว่าระยะของ Rank ผู้เล่นห่างกันมากเกินไปก็จะมีระบบการหักลบแต้มในระบบ Rank เข้ามาเพิ่มหลังจบเกม ยิ่งจับคู่กับผู้เล่น Rank ห่างกันมากเท่าไร แต้มที่จะได้หลังจากจบเกมก็จะลดลง ส่วนแต้มที่จะเสียหลังจากจบเกมก็มีโอกาสเพิ่มขึ้นอีกเช่นกัน

ดังนั้น หากผู้เล่นต้องการความสมดุลในการเล่น Rank ก็ควรที่จะจับคู่กับผู้เล่นในระดับใกล้เคียงกันคือทางเลือกที่ดีที่สุด

Tips เล็กน้อยสำหรับการวางแผนเล่น Competitive

สำหรับใครที่ต้องการจะเล่นแรงค์ให้ขึ้นสูงอย่างต่อเนื่องก็ต้องมีความเข้าใจในทุกองค์ประกอบของเกมให้ครบถ้วน “เพราะยิ่งรู้เยอะก็ยิ่งได้เปรียบ” 

โดยสิ่งที่ผู้เล่นจะต้องทำความเข้าใจให้ได้ตลอดก็คือ:

  • กฏเบื้องต้นเกี่ยวกับเกม รวมถึงกฎต่าง ๆ ในโหมดการเล่น
  • รายละเอียดของ Agent ทั้งหมดในเกม รวมถึงการดราฟท์ตาม META ของแต่ละแผนที่ หรืออาจปรับตามแผนการเล่นที่ทีมหรือตัวเองต้องการที่จะเล่น 
  • การเลือก Agent เพื่อ Counter-Pick ตัวละคร META หรือแผนการเล่นก็เป็นตัวเลือกที่สำคัญเช่นเดียวกัน
  • การจับคู่กับเพื่อนหรือทีมที่อยู่ใน Rank ใกล้เคียงกัน เพื่อให้การบวกลบแต้ม MMR หลังจบเกมมีความสมดุล ให้บวกได้พอดีเมื่อชนะและไม่ลบหนักเกินไปเมื่อแพ้
  • ควรทำความเข้าใจในอาวุธทุกชนิดของเกมและฝึกใช้ให้ชำนาญอย่างน้อง 3-5 อย่างเพื่อให้มีความมั่นใจในการยิง
  • ในระหว่างการเล่นควรสื่อสารกับเพื่อนร่วมทีมของตัวเองบ่อย ๆ
  • หากสถานการณ์บางอย่างไม่เป็นใจ ก็ควรสงบสติไว้ ค่อย ๆ คิดว่าจะแก้ปัญหาที่อยู่ข้างหน้าอย่างไร
  • ดูการแข่งขันต่าง ๆ ของ VALORANT บ่อย ๆ เพื่อศึกษาการเล่นแบบโปรเพลเยอร์และลองนำมาวิเคราะห์อีกครั้งหลังจบการแข่งขัน
  • ติดตามอัปเดตของเกมผ่านเว็บไซต์ออฟฟิเชียลของ VALORANT อยู่เสมอ

หากทำได้ทั้งหมดนี้ ผู้เล่นก็จะสามารถกด Rank ได้อย่างสนุกสนานโดยไม่ต้องมีข้อกังวล หรือถ้าอยากจะไต่เต้าไปเป็นโปรเพลเยอร์เสียเองก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไปแล้ว

Continue Reading

VALORANT Guide

แนะนำการเล่นแผนที่ Sunset รู้ก่อน เก่งก่อน อัปเดตใหม่จากเกม VALORANT

เเผนที่ใหม่ Sunset ต้องเล่นเเบบนี้ ?

Published

on

By

อัปเดตกันมาแล้วสำหรับเกม VALORANT โดยในครั้งนี้ ก็มาตามทำเนียม กับแผนที่ใหม่อย่าง Sunset แน่นอนว่า แผนที่ใหม่ก็ต้องเรียนรู้การเล่นใหม่ โดยวันนี้ทาง Daily Heckle จะมาอธิบายกันว่าในแผนที่ใหม่ Sunset มีจุดไหนที่ต้องทำความเข้าใจให้ดี และมีตัวละคร Agent ไหนที่คาดว่าจะเหมาะสมกับแผนที่นี้ เพื่อให้คุณจะได้เตรียมตัว พร้อมลุยในการเล่นโหมดจัดอับดับที่พึ่งรีเซ็ตมา เพราะผู้เล่นหลายคนเวลาเจอแผนที่ใหม่ที่ไร ก็ชอบกดออกหนี แต่ปัญหานี้จะไม่เกิดขึ้นกับคุณ โดยรายละเอียดต่างๆจะมีอะไรบ้างนั้นไปดูกัน

รู้จักกับแผนที่ Sunset
แผนที่ Sunset นั้นตั้งอยู่ในเมือง Los Angeles ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยทาง Riot Games ได้มีการใส่วัฒนธรรมของ LA มาได้แบบน่าสนใจอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น รถขายอาหารหรือที่เรียกกันว่า Food trucks มีงานภาพศิลปะสไตล์กราฟฟิตี้ ตกแต่งด้วยแสงพระอาทิตย์ตกดินที่มีความเป็นแสงนีออน โดยทีมงานของ Riot Games ได้แรงบันดาลใจทั้งหมดมาจากเมืองบ้านเกิดของพวกเขา

จึงตั้งใจทำออกให้มีเอกลักษณ์มากที่สุด นอกจากนี้แล้วตัวของ Sunset ยังใช้องค์ประกอบสำคัญของแผนที่ต่างๆมาปรับเปลื่ยนให้เหมาะ ไม่ว่าจะเป็นประตูเปิดปิดของ Ascent และตัวแอร์ล็อคของ Lotus แต่สิ่งที่พิเศษที่สุด เป็นเอกลักษณ์ของ Sunset เลยก็คือ Poison pit หรือลุมพิษที่จะช่วยให้ ผู้เล่น ต้องสร้างสรรค์กลยุทธ์ใหม่ๆพร้อมเสริมความท้าทายในการเล่นเพิ่มไปอีกระดับ

รู้จักกับจุดสำคัญต่างๆในแผนที่ Sunset
รูปแบบ Layout ของแผนที่ Sunset จะแบบศูนย์ออกเป็นสามเลน โดยมีจุดสำคัญคือแผนที่ตรงกลางที่จะใช้เชื่อมเข้าสู่จุด A และ B โดยเป้าหมาของทีมพัฒนาต้องการที่จะสร้างให้ Sunset เป็นที่ ที่ต้องควบคุมจุดตรงกลาง ต่างจากแผนที่อื่นๆ เพราะที่ผ่านมา มีเพียงไม่กี่แผนที่ ที่ออกแบบมาเพื่อเน้นการป้องกันตรงกลางควบคู่ไปกับจุดวาง Spike นอกจากนี้ยังเป็นการออกแบบที่ทำให้การเล่น เหมาะสมกับทั้งฝั่งป้องกันและฝั่งบุก ไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบไปกว่ากัน วัดกันที่แผนและสกิลเพลย์เป็นหลัก เรียกได้ว่าเป็นแผนที่ ที่มีแนวโน้มว่าจะสมดุลสุดๆ

แนะนำจุดต่างๆของฝั่งบุก
จุดเกิดของฝั่งบุก –
ในแต่ละรอบฝั่งบุก จะมีทางเลือกในการเล่นแบ่งออกเป็นสองทางหลัก เพื่อเลือกจุดโจมตี โดยจะมีทางเดินแบ่งออกเป็น A Lobby และ B Lobby โดยทั้งสองจุดจะมีจุดเชื่อมเข้าด้วยกันก็คือ Mid Bottom และจุดเชื่อมพิเศษอย่าง Mid Tiles โดยเป็นจุดสำคัญอย่างมากในการทำทำเกมบุก เพราะถ้าหากยึดจุดสำคัญอย่าง Mid Courtyard ที่อยู่ตรงกลางแผนที่ได้ ก็จะสามารถโยกไปเข้า B Market ก็ได้ หรือจะดันสูงเข้า Mid Top และโยกไปเข้าหลังที่ A link ต่อ ถ้าหากสังเกตที่แผนที่ดีๆ จะรู้เลยว่า Mid เป็นที่ ที่ควรเข้าทำอย่างมาก เพราะฝั่งบุกสามรถเล่นแบบ หลอกเข้า A ละถอยมาเพื่อโยกกลับไป Mid และตี B ได้แทน

จุดสำคัญของ A Site และ B Site
A Site –
จุดตีสำคัญของ A จะแบ่งออกเป็นสองทางคือทางเมนหลักและ A Elbow โดยความแตกต่างของทั้งสองก็คือ A Main จะเป็นพื้นที่กว้าง มีพื่นที่ต่างระดับของฝั่งป้องกันที่ต้องระวัง แต่ถ้าหากยึดจุดนี้ได้การเล่นยึด A ก็จะง่าย เพราะเข้าถึงจุดวาง Spike ได้ไว รวมถึงการเน้นล็อคตัวจาก A Link และ ให้เพื่อนในทีมแบ่งไปล็อคจาก A Elbow เพื่อมอง Alley ก็จะสามารถคุมพื้นตรงนี้ได้แบบไม่ยากมากแต่สำหรับ A Elbow ก็เป็นจุดที่เข้าตีได้ง่าย เพราะจุดค่อนข้างแคบ ถ้าหากส่งของกันดีๆ ก็จะทำให้ทะลุมาถึงหลัง A Site ได้ไม่ยาก

รวมถึงการเล่นลักไก่ ก็อาจจะสามารถทำได้ง่ายกว่า A Main แต่ต้องสื่อกันเรื่องการใช้สกิลดีๆ ยกตัวอย่างเช่น การใช Sage Wall ตรง Alley และเข้ามาวาง ก็ถือว่าน่าสนใจไม่น้อย โดยสรุปแล้ว A Main เป็นจุดที่ฝั่งป้องกันอาจจะแอบได้เปรียบกว่าเพราะกว่าจะถึงตัวไซต์ ก็มีจุดให้ปะทะค่อนข้างเยอะ สามารถปรับเปลื่ยนการเล่นได้หลากหลายทีเดียว

B Site – จุดการเล่นของ B ต้องบอกเลยว่า รูปแบบเป็นการผสมผสานระหว่าง Split และ Ascent ค่อนข้างได้เปรียบกับฝั่งบุกอย่างมาก เพราะมีตัวเลือกในการบุกเข้าถึงสองทางสำคัญเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการเข้าจาก B main และ B Market ยิ่งถ้าหากเข้ายึด B Main ได้ไว ได้เร็ว ก็จะสามารถเข้ามาวาง Spike ได้แบบไม่ยากเย็น เพราะจุดวางนั้น จะเป็นสี่เหลี่ยมของทั้งจุด โดยมีเสาที่สามารถใช้ในการ cover ได้ เรียกง่ายๆก็คือจุดวางแบบเดียวกับ Split แต่ระยะการวางทำได้ง่ายกว่า เพราะวางได้ทั้งสอง นอกจากนี้แล้วสิ่งที่ฝั่งกันต้องให้ความสำคัญก็คือ B Main

ถ้าหากใช้ตัวละครอย่าง Cypher ก็คาดว่าจะมีประสิทธิภาพในการกันอย่างมาก เพราะเป็นจุดที่มีพื้นที่ให้เล่น ถ้าหากมีของให้ใช้ เพื่อป้องกันฝั่งบุก ก็จะทำให้การกันง่ายขึ้น แต่ถ้าหากจุดนี้แตกไว ก็อาจจะซวยได้ทันที รวมถึง B Market ที่ไม่จำเป็นจะต้องเข้าไปยึด คุณเพียงแค่ใช้คนล็อคจาก B Boba ก็สามารถดักคนที่จะ rush จาก B Market มาเข้าที่ B Site ได้แล้ว โดยสรุปแล้ว B Site จะเป็นจุดที่การเล่นของฝั่งบุกมีโอกาสที่จะเข้าตีได้ง่าย มากกว่าการป้องกันของฝั่งกัน

ไฮไลท์สำคัญของ Sunset กับจุด Mid
เรียกได้ว่าสำคัญอย่างมากสำหรับการเล่น Mid ในแผนที่นี้ ไม่ว่าจะเป็นฝั่งบุกและฝั่งป้องกัน แต่ฝั่งที่ได้เปรียบจากข้อนี้ในมุมของผู้เขียนคิดว่าจะเป็น ฝั่งป้องกัน เพราะด้วยรูปแบบการออกแบบ มันเหมือนทำมาเพื่อการป้องกันเป็นหลัก ใช้เพื่อหาข้อมูลและป้องกันฝั่งบุก จากการเล่น ที่อาจจะเล่นแบบลักไก่ เข้า B Market  หรือ Mid Titles เพื่อเชื่อมเข้า A Lobby ได้ แต่ถ้าหากฝั่งบุกสามารถครองจุดนี้ได้ ก็จะทำให้การเล่นนั้นง่าย สามารถเลือกจุดย้ายได้เลย

หรือจะบุกใส่สุด Mid แล้วไปตีหลัง Site ก็สามารถทำได้ ที่สำคัญในจุดนี้ ควรใช้เป็นตัว Scan อย่าง Sova จะทำให้เล่นง่ายอย่างแน่นอนครับ ที่สำคัญฝั่งป้องกันที่เล่น Mid ควรใช้ประโยชน์ของแผนที่ ในการ Lurk ฝั่งบุก ในบางจังหวะ เพราะมันจะเชื่อมกับการเข้าหลังของฝั่งบุกหมดเลย ถ้าหากคุณเลือกดันในเวลาที่ถูก ก็อาจจะช่วยให้เพื่อนร่วมทีมเล่นได้ง่ายขึ้น ในช่วงท้ายเกม

นอกจากนี้ขอเสริมอีกสักหน่อยว่าแผนที่ Sunset ดูเหมือนจะทำให้การเล่นกันง่าย แต่ถ้าหากบริหารจำนวนผู้เล่นในทีมดีๆ ก็ต้องใช้คนเยอะอย่างมาก ยกตัวอย่างเช่นการจะกัน B ก็ต้องมีคนล็อค B Boba เพื่อกันคนจาก B Market รวมถึง B Main ก็ยิ่งต้องเล่น จะปล่อยก็ได้ แต่น่าจะเหนื่อยแน่นอนฝั่ง A ตัวของ A Link ก็ต้องทำหน้าที่หนัก ต้องพยามตัดคนให้ได้ เพราะถ้าหากกันไม่ได้ทั้ง A Elbow และ A Main การรีเทคกลับมา ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย โดยรวมแล้วความยากง่าย ในการบุกในการกัน จัดว่าสูสีกันสุดๆ

Continue Reading

VALORANT Guide

10 แนวคิดการเล่น Duelist แบบขั้นเทพ จาก FNC Derke แชมป์ Master ของเกม VALORANT

ฝึกฝนตามรอย Derke ผู้เล่น Duelist เเห่งยุค

Published

on

By

Derke หนึ่งในสุดยอดผู้เล่น Duelist ที่ดีคนหนึ่งของประวัติศาสตร์การแข่งขัน VALORANT จากทีม Fnatic แม้ว่าจะไม่ได้แชมป์ใน VALORANT Champions 2023 แต่ผลงานรวมภายในปีนี้ ตั้งแต่ VALORANT Lockin ก็ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าเขาคือ Duelist ที่มีผลงานคงเส้นคงวา มาตรฐานในการเล่นตลอดสามปี ก็ทำได้ดี มีความยืดหยุ่นในการเล่น สามารถปรับตัวเองให้เข้ากับเมต้าได้เสมอ หลายคนที่ได้เห็นการเล่นของ Derke ก็อยากที่จะเล่นให้ได้แบบผู้เล่นคนนี้ ซึ่งโชคดีมากที่ตัวของ Derke ได้มีโอกาสแบ่งปันแนวคิดการเล่นของเขาผ่านทาง Twitter โดยวันนี้ Daily Heckle จะมานำเสนอให้รู้กัน ว่าถ้าหากอยากเป็นสุดยอด Duelist แบบชายคนนี้ จะต้องมีแนวคิดแบบไหน เพื่อพัฒนาตัวเอง

หน้าที่ของ Duelist
ตำแหน่งนี้โดยหลักแล้วจะทำหน้าที่ในส่วนของการหาพื้นที่ สร้างพื่นที่ เพื่อให้ทีมสามารถเข้ามาเล่นได้ และต้องคอยหาจังหวะในการฆ่า เพื่อลดจำนวนศัตรู สร้างความได้เปรียบให้กับทีม เรียกง่ายๆก็คือเป็นตัวเปิด Kill เปิดจุด ทำยังไงก็ได้ให้ทีมมีพื้นที่ในการเล่น และคอยตัดจำนวนสร้างความได้เปรียบ

ทำความเข้าใจใน Agent ของตำแหน่ง Duelist ทุกตัว
ข้อแรกนี้คุณต้องเรียนรู้การใช้งานของสกิลตัวละคร Duelist ให้เข้าใจประสิทธิภาพและศักยภาพของ Agent มากที่สุด แบบหนึ่งร้อยเปอร์เซ็น ต้องรู้ว่าแต่ละสกิลมีข้อดี ข้อเสีย ข้อจำกัดอะไรบ้างในการใช้งาน ต้องรู้ว่า Dash JETT ใช้ยังไง พุ่งได้แค่ไหน ฝึก Blast Pack ของ Raze ให้โดดได้มีประสิทธิภาพ ต้องรู้ทุกระยะของสกิล ระยะเวลาสกิล ตรงแผนที่ไหน สกิลไหนทำอะไรได้บ้าง เป็นสิ่งสำคัญ

โดยคุณสามารถฝึกสิ่งนี้ผ่านห้อง Custom แผนที่ต่างๆ รวมถึงการนำไปใช้จริงในการเล่น เพื่อหาข้อผิดพลาด สังเกตจาก Derke ได้เลยว่า เขาเล่น Agent ได้หลากหลายไม่เว้นแม้แต่เมต้า Chamber ซึ่งเล่นได้ตามมาตรฐานระดับสูงของนักแข่งทุกตัว เพราะเขาเข้าใจสกิลของตัวละครอย่างแท้จริง

พยายามเล่นกับทีมเพื่อสร้างประโยชน์สูงสุด
ในทุกการเล่นถ้าหากเป็นไปได้คุณต้องสื่อสารกับทีมตลอดเวลา ว่าคุณจะเล่นแบบไหน จะเล่นยังไง เพื่อที่เพื่อนในทีมจะได้ช่วยซัพพอร์ตคุณ ทั้งในรูปแบบการส่งสกิลช่วย เพื่อให้คุณเล่นง่ายขึ้น หรือจะเป็นจังหวะการเดินตาม เพื่อให้มีคนคอยเล่นกับคุณ ต้องตั้งใจคุยกับทีม

แล้วมันจะเป็นการสร้างโอกาสในการเล่นของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด สังเกตุได้จากในการแข่งขัน ที่ผู้เล่น Inni ทักจะคอยใช้สกิลซัพพอร์ตการเข้าทำของ Duelist เสมอ เพื่อลดภาระ และสร้างโอกาสที่จะชนะจังหวะยิงให้ Duelist แฟลชส่ง สแกนส่ง ให้ตรงจังหวะ แค่นี้โอกาสที่จะชนะในแต่ละรอบก็สูงแล้ว

รู้จักจังหวะการเล่นตามจำนวนคน
เมื่อคุณสามารถเปิด Kill หรือให้ทีมตรงข้ามจำนวนลดลงจนเสียเปรียบ ต้องรู้จักเบรกตัวเอง ไม่จำเป็นต้องหิวคิล เพราะถ้าหากคุณเข้าไปแล้วดันตาย ไม่สามารถทำจังหวะคิลได้อีก ก็ส่งผลให้ทีมมีจำนวนเท่ากับศัตรู แทนที่ตัดแล้วได้ เป็น 5-4 ก็ได้เปรียบ ไม่จำเป็นต้องไปทำให้ศัตรูสูสี

วิเคราะห์ความสำคัญและสกิลของ Agent ศัตรู
ทุกครั้งในการยืนแต่ละตำแหน่ง คุณต้องเข้าใจด้วยว่าอีกฝั่งมีสกิลอะไร เพื่อที่จะดันเข้ามาสู่กับคุณ อย่ายืนในจุดที่ต้องเสียเปรียบเช่น อีกฝั่งสามารถแฟลชยัดคุณได้ สามารถใช้ Scan เพื่อระบุตำแหน่งคุณได้ หรือใช้ของประเภทต่างๆไล่ที่คุณและดักฆ่า คุณควรยืดในจุดที่สกิลเหล่านี้ สร้างความลำบากในการให้คุณได้น้อยที่สุด

สร้างความปั่นด้วยการอยู่ในทุกตำแหน่งที่สำคัญ
คุณต้องมักหาจังหวะในการเล่นใหม่ๆ อยู่ในตำแหน่งที่ศัตรูคาดเดาได้ยาก อย่าเล่นแต่ Play เดิมๆจนศัตรูจับทางได้

ให้ความสำคัญประเภทตัวละครอีกฝั่ง
เมื่อคุณต้องเลือกระหว่างการฆ่า JETT,Sova และ Omen คุณต้องเลือกตัวละครที่มันส่งผลต่อทีมคุณมากที่สุด ถ้าหากคุณฆ่า JETT อีกฝั่งก็จะไม่มีตัวบุกเขาที่มันพลิ้ว หรือถ้าหากคุณฆ่า Sova ฝั่งศัตรูก็จะไม่สามารถสแกนเพื่อหาข้อมูลจากทีมคุณได้ หรือถ้าหากคุณฆ่า Omen ฝั่งศัตรูก็จะไม่มีสกิลปิดวิชั่นทีมของเรา เพราะฉะนั้นในแต่ละจังหวะ คุณต้องให้ความสำคัญในส่วนนี้อย่างมาก ว่าจะเลือกคิลตัวละครแบบไหนในก่อน ในจังหวะที่เป้าที่ยิงได้ มากกว่า 1

อย่ากลัวตายที่จะเข้าไปเปิด Site
คุณต้องการเล่น การเสี่ยง ต้องคอยสื่อสารขอสกิลของทีม แม้ว่าคุณอาจจะเปิดคิลไม่ได้ แต่ถ้าหากป่วนจุด เข้ามายึดพื้นที่สำคัญ จนเพื่อนตามมายึดและเคลียร์ศัตรูได้ แค่นี้ก็ทำให้คุณทำหน้าทีได้ดีแล้ว หลักการนี้ง่ายมาก คุณแค่ ยึดจุดให้ทีม ฆ่าคนใน Site อย่าบ้าที่จะดันไปถึงฐานอีกฝั่ง

หาคู่หูสักคนที่เล่นเข้ากัน พร้อมฝึกไปด้วยกันได้
ถ้าหากเป็นเกม Moba การที่คุณเล่น Carry แล้วได้ซัพคู่ใจหรือแม้แต่มิดเลนที่ช่วยกันแบก คงเป็นเรื่องที่ดีอย่างมาก มีคนที่รู้ใจคอยส่งของให้ถูกจังหวะ เล่นไปด้วย บอกเลยว่าโคตรง่าย โคตรสบาย รู้จักการคอมโบกัน ส่งเกตุการเล่นของกัปตันทีมอย่าง FNS หรือแม้แต่ Boaster ที่มักจะสื่อสารกับทีมได้อย่างดีและทำเกมได้ถูกจังหวะ

อย่าทำตัว One Trick มีแต่พวกปัญญาอ่อนที่ทำกัน
อย่าเล่นแต่ตัวละครเดียว คุณต้องรู้จักหยิบใช้ตัวละครให้เหมาะสมกับแผนที่ เหมาะสมกับคอมพ์ของทีม โดยศึกษาจากไกด์ต่างๆที่เหล่าโปรทำไว้ให้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดในการเล่นของคุณ ยกตัวอย่างเช่นด่าน Ascent ระหว่าง Raze กับ Yoru คุณคิดว่าตัวไหนมีประโยชน์มากกว่ากัน พยายามสร้างความหลากหลายให้ตัวเอง

ฝึกฝนให้เป็นนิสัย อย่าหยุดที่จะพัฒนา
ทำตารางการฝึกฝน วางเป้า วอร์มอัพ ให้สม่ำเสมอ เหมือนกับการเข้าฟิตเนส อย่าเปลื่ยนเป้าบ่อย อย่าพยายามปรับ Setting หลายครั้ง ต้องตั้งใจที่จะสร้างความคุ้นชินกับตัวเองมากที่สุดและพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ อย่าหยุดทำ ให้ความสำคัญกับตารางฝึกเสมอ มั่นใจว่าคุณจะพัฒนาขึ้นอย่างแน่นอน

Continue Reading

Trending