สิ้นสุดการเดินทางตามหายอดทีมของเกม VALORANT ประจำปี 2023 กันแล้ว กับการแข่งขัน VALORANT Champions 2023 โดยรอบชิงชนะเลิศในช่วงค่ำคืนที่ผ่านมา เป็นการเจอกันระหว่าง Evil Geniuses และ Paper Rex โดยทั้งสองทีมจะแข่งกันในรูปแบบ Best of 5 นั้นเอง แน่นอนว่าเป็นแมตช์ที่ชาวอีสปอร์ตทั่วโลกจับตามองอย่างมาก เพราะทั้งสองทีมก็ต่างฟอร์มร้อนแรง ควรค่าแก่การได้แชมป์ นับว่าเป็นแมตช์รอบชิงชนะเลิศที่สนุกไม่น้อยไปกว่าปีนี้ไหนๆ ซึ่งทาง Daily Heckle ก็ได้วิเคราะห์ไปสวนกระแสไปแล้วว่า Evil Geniuses จะสามารถคว้าแชมป์ด้วยสกอร์ 3-1 ได้ โดยผลลัพธ์ก็ออกมาแบบนั้นจริงๆ โดยรายละเอียดแต่เกมจะเป็นเช่นไร พาไปสรุปกันเลยดีกว่า กับการรีแมตช์ที่มีแชมป์เป็นเดิมพัน

แผนที่แรกกับ Split โดยทั้งสองทีมก็ใช้ตัวละครแบบเดียวกันอย่าง JETT, Skye, Asta, Viper และ Raze อย่างที่เคยบอกกันไป ปัญหาของ Evil Geniuses คือเกมป้องกันจริงๆ โดยทาง Paper Rex ที่เป็นสไตล์การเล่นดุดันอยู่แล้ว สามารถทำแต้มในเกมบุกไปก่อนด้วยสกอร์ 8-4 แต่สุดท้ายก็สามารถกลับมาชนะได้ด้วยสกอร์ 13-10 เรียกได้ว่าเกมบุกของ EG คือทำได้ Perfect มากกว่าจริงๆ แต่สิ่งที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือตัวของ Demon1 และ Jawgemo ที่สามารถสร้างช็อตพลิกเกมให้ทีมได้หลายครั้ง เรียกได้ว่าโคตรจะลั่นสำหรับทั้งสองคนนี้  ส่วนผู้เล่นอีกสามคนก็ยังทำหน้าที่ปิดทองหลังพระได้อย่างดี โดยเฉพาะตัวของ Boostio ที่ในบางจังหวะ เขามักจะไปโผล่ในที่ ที่ Paper Rex ลืมคิด ทำให้สามารถเก็บคิลช่วยตัดให้ทีมได้

ตามกันมาต่อที่แผนที่ Ascent ที่ส่วนตัวมองว่าไม่ควรดราฟแผนที่นี้มาสู้ Paper Rex เท่าไร แต่ EG คงมีความมั่นใจที่หยิบมาโดยคอมพ์ในการเล่นของทั้งสองทีมก็มีความแตกต่างกันเล็กน้อย ทาง EG ที่ได้ตั้งรับก่อน มีการหยิบตัวละครอย่าง JETT, KAYO, KJ, Sova และ Omen ส่วนทางของ Paper Rex ใช้เป็น Harbor, Viper, KAYO, Reyna และ Raze แน่นอนว่าคอมพ์แบบนี้ PRX เอาแน่นอนในเกมบุก โดยครึ่งแรก EG ก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม แต่สามารถประคองได้ดีกว่า แม้ PRX จะบุกมาโหดแค่ไหน แต่ก็สามารถทำแต้มได้เพียง 7-5 เท่านั้น ยังไม่ได้ขาดลอยเท่าไร เกินคาดกว่าที่คิดไว้พอสมควร เพราะ Setup ของ Viper + Harbor มันเป็นอะไรที่รับมือยากมาก เสริมด้วยสไตล์การเล่นของ Something ในแผนที่นี้ ที่มีความมั่นใจสูงกว่าเดิม เพราะได้เล่น Agent สุดถนัดอย่าง Reyna จัดให้มีช็อตโชว์ด้วยการใช้สกิลของตัวละครนี้ในหลายรอบทีเดียว เพราะอย่างที่รู้กันว่า Reyna จะเก่งมากถ้าหากคุณสามารถยิงสู้ได้

แต่พอสลับฝั่งให้ทาง EG ได้เริ่มบุกกันแล้ว แต้มก็มีการตีเสมอขึ้นมา เพราะด้วยคอมพ์ของ PRX เกมป้องกันจะเล่นยากกว่าอยู่แล้ว เพราะไม่มีตัวกันไซต์ดีๆเลย มีเพียงแค่ Raze และ Viper ที่มีสกิลเบรกนิดหน่อย ไม่ใช่ตัวที่ทำหน้าที่กันไซต์ธรรมชาติเหมือน Sentinels ทั่วไป ตัวของ Harbor ก็ยิ่งไม่มีอิมแพคเลยในฝั่งกัน แต่อย่างไรก็ตามสิ่งที่ PRX ทำได้ดีกว่า EG อย่างมาก คือช็อตการเล่นที่รับมือยาก แม้ว่าทาง EG จะใช้ Agent ที่ครอบคลุมกว่า ในการเล่น แต่สุดท้ายอำนาจแห่งกระบอกปืน มันก็ต่างกัน  โดยหลังจาก Round 19 สิ่งที่น่ากลัวก็เกิดขึ้น ฟอร์มการยิงของ PRX ก็ร่างทองขึ้นมาทันที Reyna ของ Something เล่นได้สุดยอดมากๆ แม้ว่า Agent ตัวนี้อาจจะไร้ประโยชน์ในแง่สกิลทีม แต่สำหรับเขา นี้คือตัวที่ทำให้เขาโชว์สกิลเพลย์ได้อย่างไร้ขีดจำกัด จังหวะกดสกิลหลบนี้ป่วนสุดๆ จนสุดท้ายจบไปที่ 13-11 เป็นการดูแผนที่ Ascent ที่โคตรมันส์

หลังจากที่ Paper Rex เครื่องติด รอบนี้ทาง EG ก็ไม่น้อยหน้าเหมือนกัน ในแผนที่ Bind โดยการหยิบ Agent ของพวกเขาก็จัดว่าทำได้ดีกว่า PRX อย่างมาก เพราะมุมของผู้เขียนมองว่า แผนที่นี้ถ้าไม่เล่น 2 Smoke มันเล่นยากจริงๆ โดย EG จะประกอบไปด้วย Chamber, Skye, Brim, Viper และ Raze ส่วนทาง PRX จะเป็น Yoru, Brim, Skye, Breach และ Raze โดยการหยิบตัวแบบนี้ของ PRX จัดว่าเสี่ยงอย่างมาก เพราะมันคือการเล่นแบบ สกิลชุดเดียว ต้อง Take site ให้ได้

เพราะถ้าหากไม่ได้ ก็จะไม่มีสกิลเพียงพอเพื่อโยกจุดตี ต่างจาก EG ที่มีของยืดหยุ่นกว่า สามารถแบ่งได้เลยว่า จะ All Smoke จุดเดียวเลย หรือจะใช้ Viper ล่อ A ล่อ B แล้วเก็บ Smoke brim ไว้เพี่อตีจริงก็ได้ ซึ่งครึ่งแรกการเล่นของ PRX ก็ทำได้ไม่ดีเท่าไร พวกเขาหยิบตัวมาเพื่อทำแต้มบุก แต่ทำได้เพียงแค่ 3-9 เท่านั้น เตรียมซวยตอนเกมรับอย่างแน่นอน เพราะว่าคอมพ์นี้ บุกโหดจริง แต่เกมกันคือเล่นยากโคตรๆ ยิ่งเจอ 2 Smoke ก็รับมือได้ยากแน่นอน โดยสกอร์ก็จบไปที่ 13-5 เรียกได้ว่า Paper Rex พลาดตั้งแต่หยิบตัวละครแล้ว ก็คงพูดไม่เกินจริง เพราะสกิลเพลย์ผู้ชมคงไม่ต้องกังขากันอยู่แล้ว แต่ถ้าเป็น In game เรื่องของสกิล ของ ที่ตัวละครมี เป็นสิ่งที่ละเลยไม่ได้เลยในเกมระดับสูง

ตามมาด้วยแผนที่สุดท้ายของซีรีส์นี้ กับ Lotus โดยตัวของ Paper Rex ก็เปิดตัวด้วยการงัดมาทุกวิธีทาง แต่แล้วก็เป็น EG ที่ทำหน้าที่ได้ดีตั้งแต่ การหยิบตัวละคร โดยเฉพาะตัวของ Demon ที่เป็นเจ้าแห่งการหยิบตัวที่สามารถทำประโยชน์ให้กับทีมได้เสมอ ยิงก็ได้ ใช้ของก็ดี กับ Asta นั้นเอง ในขณะที PRX ก็มาด้วยตัวละครมั่นใจ ซึ่งทั้งสองทีมก็ต่างัดกันวินต่อวิน โดยทาง PRX สามารถขึ้นนำในเกมบุกไปได้ก่อน 7-5 ก่อนที่จะหลับเป็น EG บุกบ้าง แล้วแลกกันไปหมัดต่อหมัด จนสุดท้ายก็กลายเป็น การลงเอ่ยที่ 13-10 และเป็นการคว้าแชมป์ที่น่าประทับใจในรายการนี้ของ Evil Geniuses

มาถึงช่วงเวลาโค้งสุดท้ายกันแล้ว ที่จะได้รู้กันว่าทีมไหน คือทีมที่เก่งที่สุดในปี 2023 ของเกม VALORANT กับรายการแข่งขันอย่าง VALORANT Champions Tour 2023 โดยทีมที่จะมาชิงแชมป์กันได้แก่ Paper Rex ตัวแทนจาก APAC ที่ฟอร์มร้อนแรง กับ Evil Geniuses ที่เตรียมกลับมาล้างตาอีกครั้ง หลังจากที่พวกเขาโดน PRX ส่งไปสายล่าง ซึ่งทาง PRX ก็ประมาทไม่ได้ เพราะ EG ตอนนี้กำลังใจก็มาเต็ม หลังจากที่ชนะ LOUD ไปได้ แม้สกอร์จะสูสีแต่ภาพรวมของแผนและเกมเพลย์ยังเป็นไปในทิศทางที่ดี โดยวันนี้ทาง Daily Heckle จะมาวิเคราะห์สไตล์การเล่นของทั้งสอง ว่าใครมีโอกาสที่จะเป็นแชมป์รายการนี้  ซึ่งทั้งหมดเป็นมุมมองส่วนตัว อย่างไรก็ตามเห็นต่างแบบไหน ก็ลองมาแบ่งปันกัน โดยรายละเอียดจะมีอะไรบ้างไปดูกัน

ภาพรวมของ Paper Rex  
รูปแบบการเล่นของทั้งสองทีมในรายการนี้ค่อนข้างแตกต่างกันชัดเจนอย่างมาก  โดยตัวของ Paper Rex จะเป็นรูปแบบการเล่นที่เน้น Fire Power ทะลวงทุกสิ่ง โดยมีคีย์หลักเป็นผู้เล่นอย่าง Something และ Jinggg ที่จัดว่าเป็นผู้เล่นที่ความคมระดับต้นๆเลยก็ว่าได้ในตอนนี้ ยิ่งมีเพื่อนในทีมช่วยเซ็ทจังหวะให้อีก บอกเลยคนยืนกันไซต์ ยังไงก็ลำบาก แต่ถ้าหากลองวิเคราะห์กัน สไตล์ของ Paper Rex เน้นสกิลเพลย์ที่จัดจ้านก็จริง มีช็อตเกินคาดให้เห็นบ่อยครั้ง แต่เป็นรูปแบบที่ไม่ค่อยจะสเถียรสักเท่าไร ถ้าหากต้องเจอแผนที่ทำมาเพื่อแก้ทางสไตล์นี้  การเจอ Paper Rex ไม่ควรที่จะปะทะโดยเปล่าประโยชน์ ควรสู้ในสถานการณ์ที่ของพร้อม จังหวะพร้อม เล่นไปกับทีม

การแยกไปปะทะ จะทำให้โอกาสที่ชนะ เป็นอะไรที่ยากมากจริงๆสำหรับ Paper Rex นอกจากนี้แล้ว การปรับตำแหน่งของ f0rsaken ใน Role Inhinator ก็ทำได้เกินตัว เขาไม่ได้มีเพียงแค่สกิลเซ็ทได้ถูกจังหวะกับ Duelist ยังมีเรื่องของ Fire Power ที่สูง เพราะเป็น Role เดิมของเขาคือ Duelist ที่เล่นคู่กับ Jinggg ทำให้กลายเป็นเกมบุกสไตล์ 2+1 ที่ทรงพลังที่สุดอย่างแน่นอน นอกจากนี้แล้ว Mindfreak กับ D4v41 ก็ยังเป็นผู้ที่เก็บงานได้อย่างยอดเยี่ยม มีช็อตการคลัชให้เห็นตลอด  ทำให้ไลน์อัพนี้คือจุดพีคของ W gaming เลยก็ว่าได้

ข้อดี Paper Rex
– Fire Power สูง ยิงสูงได้หมดไม่มีกลัว
– เป็นทีมที่ไม่ค่อยกดดันตัวเอง บรรยากาศเกมเพลย์ค่อนข้างดี
– มีผู้เล่น ACE Player ที่โดดเด่นอย่างมากถึงสองคน Something และ Jinggg
– ไว้ใจได้ทุกตำแหน่ง คนน้อยกว่าก็มีโอกาสที่จะชนะ
– สไตล์บุกดุดัน แนวทางชัดเจน รับมือไม่ได้ง่ายๆ  

ข้อเสียของ Paper Rex
– ถ้าหากศัตรูจับทางและยังพลาดมุขเดิมๆ มักจะเล่นไม่ออก
– ความบ้าในการเล่นที่บางครั้งก็ทำร้ายทีมตัวเอง
– ถ้าตัวบุกยิงไม่ออกเล่นไม่ได้ ก็เป็นทีมที่แถบไม่ลูกเล่นอื่น

ภาพรวมของ Evil Geniuses
นี้คือเส้นทางสุดท้ายที่ EG จะได้พิสูจน์ตัวเองว่าคู่ควรกับถ้วยแชมป์ หลังจากที่มีการปรับเปลื่ยนไลน์อัพมา ภาพรวมของทีมก็ทำได้อย่างยอดเยี่ยม มีผู้เล่นที่โดดเด่นอย่าง Demon1 และ Ethan โดยตัวของ Demon1 คือ Ace Player ที่มีจุดเด่นอย่างมากในเรื่องของการเล่นที่หลากหลาย เขาสามารถหยิบ Controller ได้ เล่น Duelist ก็ไร้ข้อกังขา ทำให้ในบ้างด่าน EG สามารถใช้จุดนี้มาเพื่อซัพพอร์ตแผนการเล่นบ้างอย่าง เพื่อได้เปรียบทีมอื่นๆ เพราะน้อยทีมที่ จะทำแบบ Demon1 ได้ มันคือการทำได้ และยังทำได้ยอดเยี่ยม

ถ้าหากได้ดูแมตช์ Fracture ที่เจอกับ DRX คงเห็นแล้ว Brimstone ตัวที่ดูไม่มีอะไร Demon1 ยังสามารถรีดเร้นประสิทธิภาพของมันออกมาได้แบบเกินคาด นอกจากนี้แล้วในรายการ VALORANT Champions Tour 2023 เขายังหยิบตัวละครมากมาย เชื่อว่าในรอบชิงยังมีอะไรให้เห็นอีกเพียบ นอกจากนี้ผู้เล่นอีกสามคนอย่าง Boostio, C0M และ jawgemo ก็โดดเด่นไม่แพ้กัน สังเกตในหลายแมตช์ที่ผ่านมา ค่าสกอร์เฉลี่ยของผู้เล่นคนอื่นๆ นอกจาก Demon1 จะพอๆกัน ไม่ได้เน้น ต้องมีใครแบก ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีมากของการเล่นเป็นทีม 5 ในเกม FPS

ข้อดีของ Evil Geniuses
– Demon1 โคตรโหด โคตรอันตราย เล่นแผนได้หลากหลาย
– Ethan คือ Inhinatior ที่ดีที่สุดในตอนนี้
– ภาพรวมสกิลเพลย์ดี ไม่จำเป็นต้องคาดหวังให้ตัวแบก ต้องแบกตลอดเวลา
– มีแผนการเล่นที่หลากหลาย เข้าใจในแผนที่ต่างๆอย่างมากจากการหยิบ Agent
– บัพเจ้าภาพ เพราะแข่งในอเมริกา

ข้อเสียของ Evil Geniuses
– เล่นเกมกันยังไม่ค่อยเข้าที่ ถ้าหากโดนนำขาดครึ่งแรก โอกาสกลับมาค่อนข้างยาก
– ถ้าติดตลกหยิบตัวแปลกๆมา ก็อาจจะไม่มีภาพ
– พึ่งโดน PRX ตบมา ต้องวัดใจว่า สองแมพแรกจะทำได้ดีแค่ไหน

ใครคือทีมที่จะชนะในการแข่งขันนี้ ?
ในมุมมองส่วนตัว ผู้เขียนมองว่า Best of 5 ยังไงก็ต้องให้ EG เพราะแผนการเล่นของเขาค่อนข้างหลากหลายอย่างมาก แม้ว่า Paper Rex จะเน้นรูปแบบการเล่นแบบหน้าเดียวก็จริง แต่เป็นหน้าเดียวที่ทำได้สุดยอด เปรียบเหมือนกับเซนอิสึ ที่ใช้กระบวนท่า ท่า 1 ได้อย่างเดียว แต่เป็นท่า 1 ที่โหดที่สุด ซึ่งมันเป็นเรื่องดีในการเล่นแบบ Bo1 Bo3 แต่สำหรับ BO5 มันอาจจะยังไม่เพียงพอ ที่สำคัญในมุมมองของการแข่งขัน แม้ว่าจะแพ้มาก็จริง แต่พอเป็นรอบชิงชนะเลิศ มันคือการเดิมพันที่ยิ่งใหญ่กว่า มีรางวัลที่สำคัญกว่า เชื่อว่า EG โอกาสที่จะหลุดฟอร์มน้อยมาก อาจจะจบลงที่ชนะ 3-1 สิ่งที่ PRX จะต้องเจอ มันไม่ง่ายอย่างแน่นอนในชิงชนะเลิศนี้ โดยผลจะออกมาเป็นเช่นไร ต้องรอลุ้นกันครับ

ดำเนินมาถึงโค้งสุดท้ายกันแล้ว กับการแข่งขัน VALORANT Champions 2023 โดยในค่ำคืนที่ผ่านมาตัวแทนจาก Americas League อย่าง LOUD ก็ได้ทุบสถิติของ Super Team อย่าง Fnatic ที่ผลงานในช่วงนี้ต้องยอมรับเลยว่าโหดจัดปลัดไม่ต้องบอก คว้าแชมป์ Master มาถึงสองรายการ แต่อย่างไรก็ตามในการแข่งขันนี้ Fnatic เหมือนจะแพ้ทาง LOUD พอสมควร เพราะพวกเขาได้เอาชนะ Fnatic มาก่อนหน้านี้ใน Playoff ถึง 2-0 ก่อนที่จะมาย้ำแค้นกันต่อในสายล่าง โดยรายละเอียดในค่ำคืนที่ผ่านมาจะมีไรบ้างนั้น ไปดูกัน

แผนที่แรกก็เปิดมาด้วย Split ด่านยอดฮิตที่หลายทีมนิยมเล่นกัน โดยตัวของทีม LOUD ก็เปิดเกมได้อย่างสวยงาม ไม่ต้องกดดันสักเท่าไร ด้วยสกอร์ครึ่งแรก 8-4 พอสลับฝั่ง ทาง Fnatic ก็ยังไม่สามารถต้านทานได้ โดยเก็บวินไปแบบต่อเนื่องถึง 5 Round จนสามารถชนะในแผนที่แรกไปได้อย่างง่ายดายด้วยสกอร์ 13-4 โดยไฮไลท์ในแมตช์นี้ ต้องยกให้คีย์แมนคนสำคัญอย่าง aspas ที่มีการหยิบ agent อย่าง Raze มาใช้งานในด่านนี้ จากเดิมที่จะชอบเล่น JETT เป็นหลัก แต่ด้วยรูปแบบของด่าน Split ตัวของ Raze จะมีประโยชน์กว่าอย่างมาก แม้ในเรื่องสกอร์คิลอาจจะไม่ได้โดดจนเกินไป แต่จังหวะการเข้าทำ ก็ช่วยให้ทีมเล่นได้ง่าย ที่สำคัญ MVP ประจำแผนที่นี้ ก็คงต้องยกให้ Less ที่เล่น KJ ได้อย่างยอดเยี่ยม กดไป 16/8/4 ช็อตไว้ใจได้มีให้เห็นตลอด รวมถึงตัว Cauanzin ที่คอยส่งของดีเสมอต้นเสมอปลาย จนทำให้ทีมชนะแบบขาดลอยในช่วงหลัง

แต่ต่างจาก FNC Chronicle ในตำแหน่งเดียวกัน ที่เล่นแถบไม่ได้ สกอร์ในเกมอยู่ที่ 5/14/4 ที่สำคัญจุดที่ต้องพูดถึง ก็คงเป็นเรื่องของการดราฟตัวละครที่ LOUD จะดูยืดหยุ่นกว่า อย่างเช่น Boaster ที่เล่น Omen ที่เหมาะสำหรับเกมบุกอย่างมาก แต่ทาง Tuyz ก็เลือกเป็น Asta ที่ยืดหยุ่นกว่าอย่างมาก ถ้าหากเกมบุกทำได้ดี เกมรับก็แถบไม่ต้องห่วงเลย เพราะว่าสกิลของ Asta ก็ช่วยทีมได้เล่นง่ายกว่าการหยิบ Omen อย่างชัดเจน  รวมถึง Cypher ของ Alfajerที่เหมาะสำหรับการเล่นบุกรับที่คล่องตัว แต่ KJ ต้องรอเล่นเกมรับอย่างเดียว ถึงจะมีประสิทธิภาพ พอภายในเกม LOUD สามารถเล่นเกมบุกได้ ก็แถบจะการันตีแล้วว่าเกมป้องกันของ Fnatic คือหนักแน่นอน เพราะแค่สกิลตัวละครก็สู้ยากแล้วถ้าหากสกิลเพลย์พอๆกันอีก ก็ยับตามที่เราเห็นกัน

ตามมาด้วยแผนที่ 2 อย่าง Ascent ด้วยรูปแบบของแผนที่ จัดว่าเป็นเกมที่ต้องวัดแผนและสกิลเพลย์กันอย่างหนัก เพราะเกมบุกเกมรับ ก็สูสีกันเสมอ ในเรื่องของการหยิบใช้งาน Agent ทั้งสองทีมก็เล่นตัวละครแบบเดียวกัน สามารถยืดหยุ่นได้ทั้งบุกและรับ ตัวของ LOUD สามารถเล่นเกมบุกไปด้วยสกอร์ 7-5 เรียกได้ว่าค่อนข้างสูสีเลย ถ้าหาก Alfajer ไม่ลั่น ส่วนตัวก็มองว่าเกมเพลย์ของ Fnatic ก็น่าจะยับกว่านี้ แต่พอสลับฝั่งแล้ว เหมือนทาง Fnatic จะเริ่มจูนทีมตัวเองได้ดีขึ้น เริ่มมีการตีตื้นขึ้นมา แต่ก็มีการแลกกันระหว่าง Round แต่สุดท้ายแล้ว Perfomance ด้วยรวมของ Fnatic ค่อนข้างดีกว่าอย่างมาก ทุกคนมีสกอร์เฉลี่ยเท่าๆกัน ไม่ได้มีใครแบกใคร ต่างจาก LOUD ที่มีแค่ Cauanzin และ aspas ที่เล่นได้ คนอื่นเรียกได้ว่าไม่เอาไรเลยทั้งบุกและรับ จึงทำให้ Fnatic สามารถชนะไปได้ในแผนที่ Ascent 13-9 นั้นเอง

ต่อด้วยแผนที่ 3 อย่าง Haven แผนที่ชี้ชะตาของทั้งสองทีม โดยทางทีม LOUD มาด้วย Comp Agent ที่ค่อนข้างดูดีเลย ยืดหยุ่นในรูปแบบเกมบุกอย่างมาก แต่ก็มีข้อเสียคือ ถ้าจะเน้น Site ไหน ก็ต้องเล่นสุด เพราะสกิลมาชุดเดียว แต่เป็นชุดเดียวที่เล่นใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น Viper + Habor รูปแบบการเล่น 2 Smoke และมีการใช้ KJ เผื่อเล่นเกมรับด้วยนั้นเอง อย่างที่รู้กันว่า Habor + Viper จะเป็นรูปแบบการตีที่ยึดจุดได้มีประสิทธิภาพ สามารถหยุดเกม Retake ของฝั่งกันได้ดี ด้วยอันติของทั้งสอง

แต่ในขณะเดียวกันทาง Fnatic ก็เลือกที่จะเล่น Comp มาตรฐานอย่างการใช้ 2 In อย่าง Breach และ Sova รวมถึงตัว Smoke เป็น Asta ที่เล่นเกมบุกได้ดี เกมรับก็ยิ่งทำให้ทีมเล่นง่าย เรียกได้ว่าสองคอมพ์นี้ชนกัน ค่อนข้างสูสี จะวัดกันเรื่องของจังหวะการบุกมากกว่า ซึ่งทาง Fnatic ไม่สามารถเปิดเกมบุกได้ดีอย่างที่ควร จบที่ 8-4 เพราะถ้าหากโดนนำขาดไปในช่วงครึ่งแรก พอสลับฝั่งมาเล่นรับ โมเมนตั้มก็ไม่ดี เจอ Comp ใส่สุดแบบนี้ บอกเลยว่าแย่แน่นอนครับ

ซึ่งเป็นไปตามที่บอกไม่เกินจริง การเล่นของ LOUD เน้นจี้ที่ Site A แบบเน้นทุก Round ทาง Fnatic เองก็ไม่สามารถกันได้ เพราะด้วยตัวละคร แบบนี้ทำให้ตั้งรับยากมากๆ ด้วย Set up ที่บุกง่ายแบบนี้ จึงไม่แปลกเลยที่ aspas จะเล่นสบาย เดินไปลั่นหัวใส่ Fnatic แบบไม่หยุด สกอร์สวยๆ 26/10/3 พร้อมส่ง Fnatic กลับบ้านที่ 13-7 ส่วนตัวก็มองว่าทาง Fnatic หยิบตัวละครมาไม่ได้แย่ แต่ด้วยจังหวะการ Set up ที่รับมือค่อนข้างยาก ทำให้เกมเพลย์มันออกมาอย่างที่เห็น เพราะตัวของ Asta มันจะมีไทมมิ่งในการใช้สกิล ในขณะที่ Habor + Viper เล่นจังหวะพร้อมกันแล้วก็ปิดได้ Site ตัว Duelist ก็เดินเข้ามาเคลียร์ มีสกิลช่วยส่งอีก ถ้าหากยืน Hold ในจุด ยังไงก็รอดยาก แต่จะ Retake ของก็อาจจะไม่พอ ต้องบริหารสกิลให้ละเอียดแบบสุดๆ

อย่างไรก็ตามเส้นทางของ LOUD ยังไม่จบลง เพราะพวกเขาต้องไปเจอกับ EG เพื่อลุ้นกันต่อว่าใครจะเข้ารอบชิงไปเจอกับ Paper Rex ไม่แน่ว่า นี้อาจจะเป็นถ้วยส่งท้ายปีของ LOUD อีกครั้งก็เป็นได้